โบ.ลาน เสนอ รายการอาหารที่ ปรุงขึ้นเพื่อคนพิเศษในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อผู้หญิงที่ทำทุกอย่างให้ลูกและครอบครัวได้
โบ.ลานเลือกวัตถุดิบอินทรีย์ เครื่องปรุงอินทรีย์ มาอย่างยาวนาน และ สม่ำเสมอ ทำให้ชุดรายการอาหารในเดือนสิงหาคมนี้ อุดมไปด้วย พืชพรรณธัญญาหารที่สะท้อน ถึงฤดูกาลและ ทรัพยากรอาหารที่หลากหลายอย่างแท้จริง อย่างยำดอกไม้หน้าฝนพรำ ให้ดอกไม้กินได้ของไทย เป็นตัวแทนของความอ่อนโยนและแข็งแกร่งของเพศแม่ ดอกไม้ที่ยืนหยัดออกดอก เพื่อให้เป็นผล ในวันข้างหน้า เปรียบเหมือนแม่ที่คอยบ่มเพาะ ดูแล ปกป้อง และเป็นจุดเริ่มต้นของผลต่อไป จานนี้มาพร้อมกับกุ้งแชบ๊วยบ้านหินล่ม ที่จ๊ะ (คำเรียกชื่อผู้หญิงทางใต้ บ้างเรียก ก๊ะ แล้วแต่พื้นที่ )เป็นหนึ่งในแรงสำคัญ ออกเรือพร้อมสามีเพื่อวางอวน”ตาสามชั้น” ในอ่าวพังงา เพื่อให้ได้กุ้งทะเลคุณภาพดีจากเครื่องมือประมงแบบไม่ล้างผลาญน้ำยำของยำดอกไม้นั้นก็ได้มาจากน้ำส้มสายชูจากดอกมะพร้าวอินทรีย์ ตอกย้ำการใช้ผลผลิตจากดอกของต้นต่างๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสูงสุดในประเทศไทย ไม่บ่อยครั้งนักที่โบ.ลาน จะใช้น้ำส้มหมักเป็นรสหลักในการปรุงน้ำยำ เรียกได้ว่า เป็นน้ำยำรสน้ำส้มหมักจากดอกมะพร้าวที่มีรสละมุน กลมกล่อม และเรียกความสดชื่นในวันฝนพรำได้เป็นอย่างดี
ส่วนอาหารจานผัดนั้น โบ.ลาน วางผัดกระเพราคอหมูย่างหมักน้ำผึ้งโดยเลือกใช้คอหมู ที่ได้มาจากการเลี้ยงหมูระบบปล่อยให้หมูได้เล่นโคลนจนหนำใจและใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อจำเป็นเท่านั้น ฮอร์โมน หรือ สารเร่งเนื้อแดง ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่เคยได้ต้องสัมผัส โบ.ลานนำ คอหมูชิ้นสวย ติดมันกำลังดีมาหมักกับน้ำผึ้งโพรง ของ หินลาดใน ที่ปีหนึ่งจะเก็บน้ำผึ้งได้ซักครั้ง ด้วยระบบนิเวศที่สมบรูณ์ของเวียงป๋าเป้า จังหวัดเชียงราย บ้านที่คนพื้นที่ รัก และ หวงแหน ผืนป่า เข้าใจ และ สามารถดูแลป่า ด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสม ตกทอด และ สานต่อ ให้เข้าใจการทำไรหมุนเวียนที่ไม่เลื่อนลอย คนที่เข้าใจการจุดไฟเผาที่ทำกินเมื่อครบรอบ ๗ ปี คนที่คุมไฟที่ตนจุดได้ และก่อให้เกิดพื้นที่ทางการเกษตร ที่มีระบบ แบบแผนที่สร้างแหล่งอาหารที่ยั่งยืน สมดุล แลพึ่งพาป่าได้อย่างหาใครเหมือน น้ำผึ้งที่นี่ เก็บโดย มธุกร ที่เป็นพี่น้องชาติพันธ์ อย่างมีทักษะ ความรู้ กอปรกับความหลากหลายของพันธ์พืชทั้งในป่า และในไร่หมุนเวียน ทำให้ น้ำผึ้งหินลาดในเป็นน้ำผึ้ง ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์หอมลึก หวานละมุน ที่เป็นที่ถูกลิ้นของเชฟทั้งในและนอกประเทศ เมื่อหมักหมูกับน้ำผึ้งจนได้ที่แล้ว โบ.ลานของนำของฉุน เผ็ดร้อน นับรวมได้ ๙ อย่าง คือ ๑.พริกขี้หนูเขียว ๒.พริกชี้ฟ้าเขียว ๓.ขิงแก่ ๔.กระเทียม ๕.หอมแดง ๖.ดอกกระเพรา ๗.กระวาน ๘.พริกไทยขาว ๙.รากผักชี อย่างที่ท่านอาจารย์คมสัน ทินกร ณ อยุธยา ได้กรุณาแบ่งปัน สูตรสำรับเมื่อครั้งได้มีโอกาสเจอท่าน ท่านยังกล่าวว่า สูตรตำรับทั้งหมดเป็นของ “บ้านขายยาหม่อมราชวงศ์สอาด ทินกร" ที่ให้ไว้กับคนไทย โบ.ลานจึงอยากให้คนไทยได้รับประทาน กระเพราสูตรที่เข้าเครื่องฉุน ๙ อย่างนี้ เพราะผัดกระเพรา ตามตำรับหมอไทย ที่แท้แล้วเป็น ตำรับยาแก้อาการทัองอืดเฟ้อเรอเปรี้ยวได้ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย โดยเฉพาเมื่ออากาศครึ้มฟ้า ครึ้มฝนด้วยแล้ว
ส่วนเครื่องจิ้ม จานที่โบ.ลาน ถือว่าเป็นศูนย์กลางของสำรับในมื้ออาหารอย่างไทยโบ.ลานยกให้เป็น น้ำพริกหลนผักหรู ตามตำราของท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ อีกหนึ่งผู้หญิงสูงศักดิ์ ที่ได้มีโอกาสร่ำเรียน ฝึกเขียนอ่านและ มีความรู้ความสามารถด้านงานครัว ท่านจึงเขียนและจัดพิมพ์ ตำราอาหาร “แม่ครัวหัวป่าก์” เป็นตำราอาหาร เล่มแรกๆของสยามประเทศ ที่มีการรวมเล่มตีพิมพ์ครั้งแรกสมัย พ.ศ. 2451 – 2452 เมื่อพูดถึง เครื่องจิ้มในอาหารไทย ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางก็จะมี น้ำพริกสด น้ำพริกผัด มีหลน ที่เป็นเครื่องจิ้มเข้ากะทิ มีป่น หรือ แจ่ว บ้าง แต่ตำรับของท่านผู้หญิงที่โบลานหยิบนยกมาเข้าสำรับชุดนี้ เป็นทั้งหลนทั้งน้ำพริก ภาษาฝาหรั่งคงเรียนว่า ทูอินวัน ตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ว่าจะเป็น หลน หรือ น้ำพริกดี เพราะทั้งโขลกทั้งตำ ทั้งเข้ากะทิ แต่รสที่ได้ถือว่าเป็นรสผู้ดี เพราะมีความนุ่มนวลของกะทิ หอมสละ เปรี้ยวด้วยมะดัน ที่ใส่ลง และยังแสดงความรุ่มรวมทรัพยากรด้วยทั้งกุ้งแห้ง และกุ้งสด แม้รสรสชาติไม่ได้จัดจ้านอย่างน้ำพริก แต่ก็ไม่หวานนำ อย่างหลนทั่วไป เครื่องจิ้มนี้ข้น หวานกะทิ มันมันกุ้ง ที่สุดของความกลม และเมื่อได้ลองลิ้มกับผักพื้นบ้านที่เป็นผักแนมที่มีความหลากหลายก็ยิ่งทำให้ รสชาติของน้ำพริกหลนถ้วยนี้ แปลเปลี่ยน ไปได้อย่างมีความหฤหรรษ์ แบบที่อาหารไทยควรจะเป็น
กว่าจะครบสำรับ ก็ยังต้องมีต้ม ให้ซดได้คล่องคอ โบ.ลานได้สับประรดอินทรีย์ที่ปราศจากปุ๋ยหวาน พร้อมด้วยกะปิ อ่าวน้ำ จากกระบี่ แหล่งกะปิขึ้นชื่อของประเทศ ด้วยระบบนิเวศ ที่พร้อมด้วย ป่าโกงกาง คลอง และ เขาหินปูน ทำให้คนในพื้นที่สามารถรุนเคยที่มีคุณภาพได้ เมื่อผนวกรวมกับภูมิปัญญา แสงแดด ครกไม้ และ เกลือ กะปิบ้านนี้จึงอร่อยและหอมสบายนาสิกเนื้อเหนียว และปราศจาก การเติมสี มัน หรือ กล้วย รวมไปถึงสารกันบูด เมื่อนำกะปิชั้นดีมาโขลกเข้ากับหอมแดง พริกสด รากผักชี แล้วละลายลงในน้ำเชื้อไก่ (น้ำเชื้อ เป็นภาษาที่ใช้ในตำราอาหารเก่า หมายถึงน้ำสต๊อก) ตั้งไฟให้เดือดแล้วจึงใส่ไก่ลง ไก่ที่ใช้เป็นไก่แทนคุณ คนเลี้ยงไก่และเจ้าของฟาร์ม ไม่ได้ชื่อแทนคุณ แต่ชื่อคุณอำนาจ ผู้ฝ่าฟันทุกความท้าทาย เย้ยอทุกอำนาจเงินของนายทุน ยึดมั่นในปรัชญาการเลี้ยงไก่อินทรีย์ โดยทำอาหารไก่ด้วยวัตถุดิบอินทรีย์เอง คุณอำนาจท่านยังปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อให้ได้มาซึ่งรำอินทรีย์เพื่อใช้ทำอาหารไก่ ทำให้เชื่อมั่นในความเป็นอินทรีย์ของไก่ที่ได้มาอย่างไม่มีแคลงใจ ต่างจากวัตถุดิบอินทรีย์ในโมเดินเทรดเมืองกรุงที่ความไม่วางใจมีสูง ด้วยความที่ไก่ถูกเลี้ยงอย่างเข้าใจธรรมชาติของไก่ ได้คุ้ย ได้เขี่ย ได้ขยับ ทำให้เนื้อไก่มีรสสัมผัสที่ดี เนื้อไม่เละ ไม่เหมือนกับไก่ที่โดนบังคับให้เร่งโต มีรสชาติไก่แบบที่ไก่ธรรมชาติควรจะเป็นหวาน มีเนื้อให้เคี้ยวแต่ไม่ถึงกับเหนียว เมื่อไก่รสหวานได้เจอกับกะปิรสเข้ม สับประรดอมเปรี้ยว และได้ความเผ็ดร้อนจาก พริกสด จบด้วยให้มะกรูดเพื่อเพิ่มความหอม และน้ำมะนาว ทำให้ ต้มสับประรดไก่แทนคุณและกะปิอ่าวน้ำ เป็นหนึ่งในต้มที่ แม้แต่เชฟเองก็เรียกหาอยู่บ่อยๆ เธอว่า “ซดคล่องคอดี”
แกงกะทิใส่อาหารทะเล ที่กะทิคั้นสด จากมะพร้าวอินทรีย์เมืองสมุทรสงคราม กับเครื่องแกงตำมือในครกหินอ่างศิลา สองปัจจัยนี้ เป็นสองปัจจัยที่จะทำให้แกงที่โบ.ลานเหนือชั้น และอร่อยกว่าแกงไหนๆ ด้วยความหอม ความมันของกะทิ เมื่อมาเจอกับ ความเข้ม ฉุน เผ็ด ของเครื่องแกงตำมือ ทำให้อาหารแบบนี้ เป็นอาหารทำกินที่บ้านไม่สะดวกมากนัก นอกเสียจากว่าจะมีข้าทาส บริวารในกาตระเตรียม และเวลาอันล้นเหลือบรรดามี ทั้งปอก หั่น สับ ซอย ขูด โขลก ตำ เคี่ยว อาหารประเภทแกงจึงไม่ด้อยด้วยราคา อันเนื่องมาจากแรง เวลา ทักษะ หาใช่แต่วัตถุดิบทีดีอย่างเดียวไม่ มะพร้าวคั่วทำในเครื่องแกงนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มปัจจัยความ หวานมันลึกๆในแกงนี้นอกเหนือจากตระไคร้ ข่า พริกไทยดำ แกงสียังสวย และเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติในการรักษากระเพราะ สมานแผลด้วยขมิ้นเหลืองที่ต้องมี ในเครื่องแกงอย่างใต้ อาหารไทย ต้องกินอย่างครบ สมดุลทั้งรสชาติและรสสัมผัส
ในสำรับแบบฉบับงานเฉลิมฉลองBo.lan Feast จึงต้องมีของแนม เครื่องเคียงอีก หนึ่ง อย่าง เมื่อ เรามีแกงรสจัดจ้าน และ ต้มรสแรง และผัดรสร้อน โบ.ลานจึงเลือก หมูฮ้องที่เลือกใช้ ซี่โครงหมู และหมูสามชั้น หมักเข้ากับเครื่อง อย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทย และซีอิ๊วที่ผ่านการหมักธรรมชาติจากโรงต้มซีอิ๊วเก่าแก่ รวมถึงเครื่องเทศที่ผสานกันเข้าเพื่อสุคนธบำบัดขั้นสุด อย่างอบเชย ป๋วยกั๊ก ใบเทพธาโร ที่เพียงได้กลิ่น ก็ช่วยให้ ผ่อนคลาย ทั้งหมดนี้ รับประทานพร้อมข้าวอินทรีย์ เพื่อทำให้มื้ออาหาร ครบอย่างไทย
เล่ามาหาย่อนหน้าแล้วยัง เรื่องยังอยู่ในอาหารสำรับหลัก ยังไม่เรียบเรียงเรื่องราวถึง เรื่องเครื่องว่าง ที่โบ.ลานบริการ เพื่อซื้อเวลาให้ครัวทำสำรับหลัก สด ใหม่ ทุกๆมื้อ โบ.ลาน ตั้งชื่อเสียงเรียงนามให้กับอาหารแบบนี้ว่า เริ่มแรกระเริงรส อาหารคำเล็กคำน้อย ที่แปลจากภาษาฝรั่งเศส ที่ใช้คำว่า amuse bouche คือทำให้ปากสนุก คำนิดคำน้อย ถูกถอดแบบมาจาก เครื่องว่าง โน่นนิดนี่หน่อย ยุคที่ คนไทยยังกินอาหารว่างช่วงบ่ายๆก่อนรับมื้อเย็น
เมื่อรับคาวเรียบร้อยก็รับ หวานเริ่มตั้งแต่หวานหวานหวาน เย็นเย็น เป้าประสงค์หลักมีไว้ล้างปาก เป็นการจบของคาวเริ่มของหวานอย่างมีนัย แล้วจึงบริการของหวาน ด้วยข้าวเหนียวภูเขียวอินทรีย์จากสกลนคร ทำเป็นเปียกลำไย ใช้น้ำตาลอ้อยที่ คนพื้นที่หีบอ้อยอินทรีย์ หวานหอมอย่างอ้อยอิสาน เมื่อผนวกรวมกับลำไยทางเหนือ เนื้อมะพร้าวอ่อนฝานบางๆ กับกะทิราดหน้าที่ความเค็มปะแล่ม ก็เติมความบริบูรณ์ให้กับมื้ออาหารได้อย่างสง่างาม สุดท้าย เลือกรับชา กาแฟ ตามรสนิยม พร้อมด้วยขนมหวานอย่างแห้ง ที่ทำใหม่ทำสดทุกวันอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย เพียงกลัวไม่อร่อย เพียงเท่านั้น
Bo.lan Feast โบ.ลาน เฉลิมฉลอง 3,200
Bo.lan Balance โบ.ลาน สมดุลย์ 2,880
ร่วมเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ ผ่านแผ่นดิน และ ผืนน้ำ ที่ก่อกำเนิดทรัพยากรอาหารที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านภูมิปัญญาที่สั่งสม สู่การสืบสาน และต่อยอดของคนหลายชาติพันธ์บนดินแดนแห่งอิสระ
ร่วมเข้าใจ วัฒนธรรม สังคม และ มนุษยโภชนา ผ่านการลิ้มรสอาหารโบ.ลาน อาหารที่ปรุงขึ้นด้วยจิตสำนึกที่เบียดเบียน และ ส่งผลกระทบทางลบชุนชน สังคม และ สิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
เพราะที่ โบ.ลาน กินอย่างมีความรับผิดชอบร่วมกับเรา เพื่อความยั่งยืน และมั่นคงของอาหารของประเทศไทย
โบ.ลานเลือกวัตถุดิบอินทรีย์ เครื่องปรุงอินทรีย์ มาอย่างยาวนาน และ สม่ำเสมอ ทำให้ชุดรายการอาหารในเดือนสิงหาคมนี้ อุดมไปด้วย พืชพรรณธัญญาหารที่สะท้อน ถึงฤดูกาลและ ทรัพยากรอาหารที่หลากหลายอย่างแท้จริง อย่างยำดอกไม้หน้าฝนพรำ ให้ดอกไม้กินได้ของไทย เป็นตัวแทนของความอ่อนโยนและแข็งแกร่งของเพศแม่ ดอกไม้ที่ยืนหยัดออกดอก เพื่อให้เป็นผล ในวันข้างหน้า เปรียบเหมือนแม่ที่คอยบ่มเพาะ ดูแล ปกป้อง และเป็นจุดเริ่มต้นของผลต่อไป จานนี้มาพร้อมกับกุ้งแชบ๊วยบ้านหินล่ม ที่จ๊ะ (คำเรียกชื่อผู้หญิงทางใต้ บ้างเรียก ก๊ะ แล้วแต่พื้นที่ )เป็นหนึ่งในแรงสำคัญ ออกเรือพร้อมสามีเพื่อวางอวน”ตาสามชั้น” ในอ่าวพังงา เพื่อให้ได้กุ้งทะเลคุณภาพดีจากเครื่องมือประมงแบบไม่ล้างผลาญน้ำยำของยำดอกไม้นั้นก็ได้มาจากน้ำส้มสายชูจากดอกมะพร้าวอินทรีย์ ตอกย้ำการใช้ผลผลิตจากดอกของต้นต่างๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสูงสุดในประเทศไทย ไม่บ่อยครั้งนักที่โบ.ลาน จะใช้น้ำส้มหมักเป็นรสหลักในการปรุงน้ำยำ เรียกได้ว่า เป็นน้ำยำรสน้ำส้มหมักจากดอกมะพร้าวที่มีรสละมุน กลมกล่อม และเรียกความสดชื่นในวันฝนพรำได้เป็นอย่างดี
ส่วนอาหารจานผัดนั้น โบ.ลาน วางผัดกระเพราคอหมูย่างหมักน้ำผึ้งโดยเลือกใช้คอหมู ที่ได้มาจากการเลี้ยงหมูระบบปล่อยให้หมูได้เล่นโคลนจนหนำใจและใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อจำเป็นเท่านั้น ฮอร์โมน หรือ สารเร่งเนื้อแดง ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่เคยได้ต้องสัมผัส โบ.ลานนำ คอหมูชิ้นสวย ติดมันกำลังดีมาหมักกับน้ำผึ้งโพรง ของ หินลาดใน ที่ปีหนึ่งจะเก็บน้ำผึ้งได้ซักครั้ง ด้วยระบบนิเวศที่สมบรูณ์ของเวียงป๋าเป้า จังหวัดเชียงราย บ้านที่คนพื้นที่ รัก และ หวงแหน ผืนป่า เข้าใจ และ สามารถดูแลป่า ด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสม ตกทอด และ สานต่อ ให้เข้าใจการทำไรหมุนเวียนที่ไม่เลื่อนลอย คนที่เข้าใจการจุดไฟเผาที่ทำกินเมื่อครบรอบ ๗ ปี คนที่คุมไฟที่ตนจุดได้ และก่อให้เกิดพื้นที่ทางการเกษตร ที่มีระบบ แบบแผนที่สร้างแหล่งอาหารที่ยั่งยืน สมดุล แลพึ่งพาป่าได้อย่างหาใครเหมือน น้ำผึ้งที่นี่ เก็บโดย มธุกร ที่เป็นพี่น้องชาติพันธ์ อย่างมีทักษะ ความรู้ กอปรกับความหลากหลายของพันธ์พืชทั้งในป่า และในไร่หมุนเวียน ทำให้ น้ำผึ้งหินลาดในเป็นน้ำผึ้ง ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์หอมลึก หวานละมุน ที่เป็นที่ถูกลิ้นของเชฟทั้งในและนอกประเทศ เมื่อหมักหมูกับน้ำผึ้งจนได้ที่แล้ว โบ.ลานของนำของฉุน เผ็ดร้อน นับรวมได้ ๙ อย่าง คือ ๑.พริกขี้หนูเขียว ๒.พริกชี้ฟ้าเขียว ๓.ขิงแก่ ๔.กระเทียม ๕.หอมแดง ๖.ดอกกระเพรา ๗.กระวาน ๘.พริกไทยขาว ๙.รากผักชี อย่างที่ท่านอาจารย์คมสัน ทินกร ณ อยุธยา ได้กรุณาแบ่งปัน สูตรสำรับเมื่อครั้งได้มีโอกาสเจอท่าน ท่านยังกล่าวว่า สูตรตำรับทั้งหมดเป็นของ “บ้านขายยาหม่อมราชวงศ์สอาด ทินกร" ที่ให้ไว้กับคนไทย โบ.ลานจึงอยากให้คนไทยได้รับประทาน กระเพราสูตรที่เข้าเครื่องฉุน ๙ อย่างนี้ เพราะผัดกระเพรา ตามตำรับหมอไทย ที่แท้แล้วเป็น ตำรับยาแก้อาการทัองอืดเฟ้อเรอเปรี้ยวได้ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย โดยเฉพาเมื่ออากาศครึ้มฟ้า ครึ้มฝนด้วยแล้ว
ส่วนเครื่องจิ้ม จานที่โบ.ลาน ถือว่าเป็นศูนย์กลางของสำรับในมื้ออาหารอย่างไทยโบ.ลานยกให้เป็น น้ำพริกหลนผักหรู ตามตำราของท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ อีกหนึ่งผู้หญิงสูงศักดิ์ ที่ได้มีโอกาสร่ำเรียน ฝึกเขียนอ่านและ มีความรู้ความสามารถด้านงานครัว ท่านจึงเขียนและจัดพิมพ์ ตำราอาหาร “แม่ครัวหัวป่าก์” เป็นตำราอาหาร เล่มแรกๆของสยามประเทศ ที่มีการรวมเล่มตีพิมพ์ครั้งแรกสมัย พ.ศ. 2451 – 2452 เมื่อพูดถึง เครื่องจิ้มในอาหารไทย ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางก็จะมี น้ำพริกสด น้ำพริกผัด มีหลน ที่เป็นเครื่องจิ้มเข้ากะทิ มีป่น หรือ แจ่ว บ้าง แต่ตำรับของท่านผู้หญิงที่โบลานหยิบนยกมาเข้าสำรับชุดนี้ เป็นทั้งหลนทั้งน้ำพริก ภาษาฝาหรั่งคงเรียนว่า ทูอินวัน ตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ว่าจะเป็น หลน หรือ น้ำพริกดี เพราะทั้งโขลกทั้งตำ ทั้งเข้ากะทิ แต่รสที่ได้ถือว่าเป็นรสผู้ดี เพราะมีความนุ่มนวลของกะทิ หอมสละ เปรี้ยวด้วยมะดัน ที่ใส่ลง และยังแสดงความรุ่มรวมทรัพยากรด้วยทั้งกุ้งแห้ง และกุ้งสด แม้รสรสชาติไม่ได้จัดจ้านอย่างน้ำพริก แต่ก็ไม่หวานนำ อย่างหลนทั่วไป เครื่องจิ้มนี้ข้น หวานกะทิ มันมันกุ้ง ที่สุดของความกลม และเมื่อได้ลองลิ้มกับผักพื้นบ้านที่เป็นผักแนมที่มีความหลากหลายก็ยิ่งทำให้ รสชาติของน้ำพริกหลนถ้วยนี้ แปลเปลี่ยน ไปได้อย่างมีความหฤหรรษ์ แบบที่อาหารไทยควรจะเป็น
กว่าจะครบสำรับ ก็ยังต้องมีต้ม ให้ซดได้คล่องคอ โบ.ลานได้สับประรดอินทรีย์ที่ปราศจากปุ๋ยหวาน พร้อมด้วยกะปิ อ่าวน้ำ จากกระบี่ แหล่งกะปิขึ้นชื่อของประเทศ ด้วยระบบนิเวศ ที่พร้อมด้วย ป่าโกงกาง คลอง และ เขาหินปูน ทำให้คนในพื้นที่สามารถรุนเคยที่มีคุณภาพได้ เมื่อผนวกรวมกับภูมิปัญญา แสงแดด ครกไม้ และ เกลือ กะปิบ้านนี้จึงอร่อยและหอมสบายนาสิกเนื้อเหนียว และปราศจาก การเติมสี มัน หรือ กล้วย รวมไปถึงสารกันบูด เมื่อนำกะปิชั้นดีมาโขลกเข้ากับหอมแดง พริกสด รากผักชี แล้วละลายลงในน้ำเชื้อไก่ (น้ำเชื้อ เป็นภาษาที่ใช้ในตำราอาหารเก่า หมายถึงน้ำสต๊อก) ตั้งไฟให้เดือดแล้วจึงใส่ไก่ลง ไก่ที่ใช้เป็นไก่แทนคุณ คนเลี้ยงไก่และเจ้าของฟาร์ม ไม่ได้ชื่อแทนคุณ แต่ชื่อคุณอำนาจ ผู้ฝ่าฟันทุกความท้าทาย เย้ยอทุกอำนาจเงินของนายทุน ยึดมั่นในปรัชญาการเลี้ยงไก่อินทรีย์ โดยทำอาหารไก่ด้วยวัตถุดิบอินทรีย์เอง คุณอำนาจท่านยังปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อให้ได้มาซึ่งรำอินทรีย์เพื่อใช้ทำอาหารไก่ ทำให้เชื่อมั่นในความเป็นอินทรีย์ของไก่ที่ได้มาอย่างไม่มีแคลงใจ ต่างจากวัตถุดิบอินทรีย์ในโมเดินเทรดเมืองกรุงที่ความไม่วางใจมีสูง ด้วยความที่ไก่ถูกเลี้ยงอย่างเข้าใจธรรมชาติของไก่ ได้คุ้ย ได้เขี่ย ได้ขยับ ทำให้เนื้อไก่มีรสสัมผัสที่ดี เนื้อไม่เละ ไม่เหมือนกับไก่ที่โดนบังคับให้เร่งโต มีรสชาติไก่แบบที่ไก่ธรรมชาติควรจะเป็นหวาน มีเนื้อให้เคี้ยวแต่ไม่ถึงกับเหนียว เมื่อไก่รสหวานได้เจอกับกะปิรสเข้ม สับประรดอมเปรี้ยว และได้ความเผ็ดร้อนจาก พริกสด จบด้วยให้มะกรูดเพื่อเพิ่มความหอม และน้ำมะนาว ทำให้ ต้มสับประรดไก่แทนคุณและกะปิอ่าวน้ำ เป็นหนึ่งในต้มที่ แม้แต่เชฟเองก็เรียกหาอยู่บ่อยๆ เธอว่า “ซดคล่องคอดี”
แกงกะทิใส่อาหารทะเล ที่กะทิคั้นสด จากมะพร้าวอินทรีย์เมืองสมุทรสงคราม กับเครื่องแกงตำมือในครกหินอ่างศิลา สองปัจจัยนี้ เป็นสองปัจจัยที่จะทำให้แกงที่โบ.ลานเหนือชั้น และอร่อยกว่าแกงไหนๆ ด้วยความหอม ความมันของกะทิ เมื่อมาเจอกับ ความเข้ม ฉุน เผ็ด ของเครื่องแกงตำมือ ทำให้อาหารแบบนี้ เป็นอาหารทำกินที่บ้านไม่สะดวกมากนัก นอกเสียจากว่าจะมีข้าทาส บริวารในกาตระเตรียม และเวลาอันล้นเหลือบรรดามี ทั้งปอก หั่น สับ ซอย ขูด โขลก ตำ เคี่ยว อาหารประเภทแกงจึงไม่ด้อยด้วยราคา อันเนื่องมาจากแรง เวลา ทักษะ หาใช่แต่วัตถุดิบทีดีอย่างเดียวไม่ มะพร้าวคั่วทำในเครื่องแกงนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มปัจจัยความ หวานมันลึกๆในแกงนี้นอกเหนือจากตระไคร้ ข่า พริกไทยดำ แกงสียังสวย และเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติในการรักษากระเพราะ สมานแผลด้วยขมิ้นเหลืองที่ต้องมี ในเครื่องแกงอย่างใต้ อาหารไทย ต้องกินอย่างครบ สมดุลทั้งรสชาติและรสสัมผัส
ในสำรับแบบฉบับงานเฉลิมฉลองBo.lan Feast จึงต้องมีของแนม เครื่องเคียงอีก หนึ่ง อย่าง เมื่อ เรามีแกงรสจัดจ้าน และ ต้มรสแรง และผัดรสร้อน โบ.ลานจึงเลือก หมูฮ้องที่เลือกใช้ ซี่โครงหมู และหมูสามชั้น หมักเข้ากับเครื่อง อย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทย และซีอิ๊วที่ผ่านการหมักธรรมชาติจากโรงต้มซีอิ๊วเก่าแก่ รวมถึงเครื่องเทศที่ผสานกันเข้าเพื่อสุคนธบำบัดขั้นสุด อย่างอบเชย ป๋วยกั๊ก ใบเทพธาโร ที่เพียงได้กลิ่น ก็ช่วยให้ ผ่อนคลาย ทั้งหมดนี้ รับประทานพร้อมข้าวอินทรีย์ เพื่อทำให้มื้ออาหาร ครบอย่างไทย
เล่ามาหาย่อนหน้าแล้วยัง เรื่องยังอยู่ในอาหารสำรับหลัก ยังไม่เรียบเรียงเรื่องราวถึง เรื่องเครื่องว่าง ที่โบ.ลานบริการ เพื่อซื้อเวลาให้ครัวทำสำรับหลัก สด ใหม่ ทุกๆมื้อ โบ.ลาน ตั้งชื่อเสียงเรียงนามให้กับอาหารแบบนี้ว่า เริ่มแรกระเริงรส อาหารคำเล็กคำน้อย ที่แปลจากภาษาฝรั่งเศส ที่ใช้คำว่า amuse bouche คือทำให้ปากสนุก คำนิดคำน้อย ถูกถอดแบบมาจาก เครื่องว่าง โน่นนิดนี่หน่อย ยุคที่ คนไทยยังกินอาหารว่างช่วงบ่ายๆก่อนรับมื้อเย็น
เมื่อรับคาวเรียบร้อยก็รับ หวานเริ่มตั้งแต่หวานหวานหวาน เย็นเย็น เป้าประสงค์หลักมีไว้ล้างปาก เป็นการจบของคาวเริ่มของหวานอย่างมีนัย แล้วจึงบริการของหวาน ด้วยข้าวเหนียวภูเขียวอินทรีย์จากสกลนคร ทำเป็นเปียกลำไย ใช้น้ำตาลอ้อยที่ คนพื้นที่หีบอ้อยอินทรีย์ หวานหอมอย่างอ้อยอิสาน เมื่อผนวกรวมกับลำไยทางเหนือ เนื้อมะพร้าวอ่อนฝานบางๆ กับกะทิราดหน้าที่ความเค็มปะแล่ม ก็เติมความบริบูรณ์ให้กับมื้ออาหารได้อย่างสง่างาม สุดท้าย เลือกรับชา กาแฟ ตามรสนิยม พร้อมด้วยขนมหวานอย่างแห้ง ที่ทำใหม่ทำสดทุกวันอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย เพียงกลัวไม่อร่อย เพียงเท่านั้น
Bo.lan Feast โบ.ลาน เฉลิมฉลอง 3,200
Bo.lan Balance โบ.ลาน สมดุลย์ 2,880
ร่วมเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ ผ่านแผ่นดิน และ ผืนน้ำ ที่ก่อกำเนิดทรัพยากรอาหารที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านภูมิปัญญาที่สั่งสม สู่การสืบสาน และต่อยอดของคนหลายชาติพันธ์บนดินแดนแห่งอิสระ
ร่วมเข้าใจ วัฒนธรรม สังคม และ มนุษยโภชนา ผ่านการลิ้มรสอาหารโบ.ลาน อาหารที่ปรุงขึ้นด้วยจิตสำนึกที่เบียดเบียน และ ส่งผลกระทบทางลบชุนชน สังคม และ สิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
เพราะที่ โบ.ลาน กินอย่างมีความรับผิดชอบร่วมกับเรา เพื่อความยั่งยืน และมั่นคงของอาหารของประเทศไทย